ในขณะที่เราจดจ่ออยู่กับภาพขยะพลาสติกในท้องทะเล ต้นทางของการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมกลับเป็นเรื่องเล่าที่ถูกซ่อนเร้น การผลิต รับผลิตถุงพลาสติกคุณภาพสูง หนึ่งใบไม่ได้เป็นเพียงการสร้างขยะ แต่เป็นการปลดปล่อยมลภาวะทางอากาศและน้ำที่มองไม่เห็นตั้งแต่ก่อนที่มันจะได้ออกจากโรงงาน
ต้นทุนที่ซ่อนเร้นของถุงพลาสติก
ข้อมูลล่าสุดในปี 2567 เปิดเผยว่า โรงงานผลิตถุงพลาสติกในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวสามารถปล่อยไมโครพลาสติก (Microplastics) ลงสู่แหล่งน้ำได้มากถึง 2.5 กิโลกรัมต่อวัน ผ่านกระบวนการล้างและหล่อเย็น นั่นหมายความว่า ก่อนที่ถุงพลาสติกจะถึงมือผู้บริโภค มันได้ทิ้งรอยเท้าแห่งมลพิษไว้ในระบบนิเวศแล้ว
- การผลิตถุงพลาสติก 1 ตัน ใช้น้ำมากถึง 5,000 ลิตร
- โรงงานขนาดกลางปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่ากับรถยนต์ 150 คัน
- ฝุ่นพลาสติกจากกระบวนการผลิตเป็นมลภาวะทางอากาศที่อันตรายต่อชุมชนโดยรอบ
กรณีศึกษา: มลภาวะที่ไม่มีใครบอกเล่า
กรณีแรกเกิดขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ชาวบ้านรายงานว่าพบแผ่นฟิล์มพลาสติกชนิดบางปกคลุมบนผิวน้ำในคลองสาธารณะ หลังการตรวจสอบพบว่าเป็น “เศษพลาสติกเปื่อย” (Plastic Scrap) ที่หลุดลอดจากการบดรีไซเคิลภายในโรงงาน ซึ่งวัสดุเหล่านี้ย่อยสลายยากและปนเปื้อนในน้ำได้นานนับทศวรรษ
อีกกรณีที่น่าสนใจคือ “การลักลอบทิ้งน้ำหล่อเย็น” จากโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกในภาคตะวันออก น้ำที่ใช้ในกระบวนการนี้มีสารลดแรงตึงผิวและอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กปนเปื้อน เมื่อถูกปล่อยลงสู่ดินโดยไม่ผ่านการบำบัด มันได้ซึมลงไปปนเปื้อนในแหล่งน้ำบาดาล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดื่มของชุมชน
โซ่แห่งความเงียบ: วงจรที่ขาดหาย
สิ่งที่ขาดหายไปคือ “ความรับผิดชอบต่อผลกระทบตลอดวงจรชีวิต” (Full Lifecycle Accountability) โรงงานจำนวนมากมุ่งเน้นที่การลดต้นทุนการผลิต แต่กลับมองข้ามต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนการผลิต การบำบัดของเสียที่มีค่าใช้จ่ายสูงมักถูกตัดออก หรือมีการรายงานที่คลาดเคลื่อนเพื่อลดภาระทางการเงิน
- ขาดการตรวจสอบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในน้ำทิ้งจากโรงงาน
- กฎหมายยังไม่ครอบคลุมการปล่อยฝุ่นพลาสติกสู่บรรยากาศ
- การรายงานข้อมูลสิ่งแวดล้อมของโรงงานขาดความโปร่งใส
ทางออกที่แท้จริงอาจไม่ใช่การปิดโรงงาน แต่เป็นการผลักดันให้เกิด “โรงงานพลาสติกแบบวงจรปิด” (Closed-Loop Plastic Factory) ที่ทุกขั้นตอนการผลิตต้องมีการจัดการของเสียและมลภาวะภายในระบบ ไม่ให้รั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก การบริโภคที่ยั่งยืนต้องเริ่มต้นจากการผลิตที่ยั่งยืน และนั่นคือความท้าทายที่เราทุกคนต้องร่วมกันผลักดัน